การอ้างอิงและการอ้างอิง: ความแตกต่างและการเปรียบเทียบ

ข้อมูลอ้างอิงเป็นรายการบรรณานุกรมที่ให้รายละเอียดของแหล่งข้อมูลที่ใช้ในงานวิชาการซึ่งแสดงไว้ท้ายเอกสาร ในทางกลับกัน การอ้างอิงคือการรับทราบข้อมูลหรือแนวคิดเฉพาะเจาะจงในข้อความที่ยืมมาจากแหล่งที่มา พร้อมด้วยนามสกุลของผู้เขียนและปีที่พิมพ์

ประเด็นที่สำคัญ

1. การอ้างอิงคือแหล่งข้อมูลที่ใช้สนับสนุนข้อกล่าวอ้าง แนวคิด หรือข้อโต้แย้งของผู้เขียนในงานเขียน ในเวลาเดียวกัน การอ้างอิงคือการยอมรับอย่างเป็นทางการของการอ้างอิงภายในข้อความ
2. การอ้างอิงเป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดรูปแบบเฉพาะ (เช่น APA, MLA หรือสไตล์ชิคาโก) และรวมถึงชื่อผู้แต่ง วันที่ตีพิมพ์ และชื่อผลงาน
3. การอ้างอิงข้อมูลอ้างอิงที่เหมาะสมช่วยให้มั่นใจในความซื่อสัตย์ทางปัญญา ให้เครดิตกับผู้เขียนต้นฉบับ และช่วยให้ผู้อ่านสามารถค้นหาและตรวจสอบแหล่งที่มาที่ใช้ในงานเขียนได้

การอ้างอิงเทียบกับการอ้างอิง

การอ้างอิงเป็นแหล่งข้อมูล เมื่อผู้เขียนใช้ข้อความหรือผลงานของนักเขียนคนอื่น เขา/เธอต้องอ้างอิงถึงข้อความหรือผลงานนั้น ข้อมูลอ้างอิงแสดงอยู่ท้ายเอกสาร Endnotes ใช้เพื่อกล่าวถึงการอ้างอิง เมื่อผู้เขียนกล่าวถึงแหล่งที่มาภายในข้อความ เขา/เธอก็ใช้การอ้างอิง วงเล็บเหลี่ยมใช้เพื่อกล่าวถึงการอ้างอิง

การอ้างอิงคือแหล่งข้อมูลทั้งหมดที่คุณกล่าวถึงในเนื้อหางานเขียนของคุณ ข้อมูลอาจอยู่ในเครื่องหมายคำพูดโดยตรงหรือถอดความในรายงานของคุณ

ตารางอ้างอิงด้านล่างแสดงคุณลักษณะอื่นๆ ที่สร้างความแตกต่างระหว่างการอ้างอิงและการอ้างอิง

---

 

ตารางเปรียบเทียบ

ลักษณะ	อ้างอิง	การอ้างอิง
จุดมุ่งหมาย	ให้รายละเอียดครบถ้วนของแหล่งข้อมูลที่ใช้ในงานเขียน	รับทราบแหล่งที่มาโดยย่อที่ใช้ในงานเขียน
แผนที่	รายการที่อยู่ท้ายเอกสาร (เช่น บรรณานุกรม ผลงานที่อ้างถึง)	รวมอยู่ภายในเนื้อหาหลักของข้อความ (เช่น วงเล็บ เชิงอรรถ)
ปริมาณข้อมูล	รวมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น ผู้แต่ง ชื่อเรื่อง วันที่ตีพิมพ์ ผู้จัดพิมพ์ และหมายเลขหน้า	โดยทั่วไปจะรวมเฉพาะผู้แต่งและวันที่ตีพิมพ์ (หรือหมายเลขที่สอดคล้องกับรายการอ้างอิงทั้งหมด)
ความยาว	อีกต่อไปโดยให้รายละเอียดครบถ้วน	สั้นกว่าโดยให้ข้อมูลสั้น ๆ

---

 

การอ้างอิงคืออะไร?

คำจำกัดความของการอ้างอิง:

การอ้างอิงในบริบทของการเขียนเชิงวิชาการและการวิจัย ทำหน้าที่เป็นรายการบรรณานุกรมที่ครอบคลุมโดยให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลที่ได้รับการปรึกษา อ้างอิง หรืออ้างถึงในเอกสาร แหล่งข้อมูลเหล่านี้อาจรวมถึงหนังสือ บทความในวารสาร เว็บไซต์ รายงาน และสื่อวิชาการอื่นๆ

ส่วนประกอบของการอ้างอิง:

1. ผู้เขียน (s): ชื่อของบุคคลหรือองค์กรที่รับผิดชอบในการสร้างผลงานที่ถูกอ้างอิง ในบทความทางวิชาการ ชื่อเต็มของผู้เขียนจะถูกระบุ ในขณะที่ในบางกรณี อาจมีการระบุชื่อผู้เขียนขององค์กรหรือสถาบันที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย
2. หัวข้อ: The title of the source being referenced, whether it’s a book, article, report, or webpage. It should be formatted according to the citation style being used (e.g., APA, MLA, Chicago).
3. ข้อมูลสิ่งพิมพ์: ซึ่งรวมถึงรายละเอียดต่างๆ เช่น ชื่อผู้จัดพิมพ์ วันที่พิมพ์ ฉบับ (ถ้ามี) และสถานที่จัดพิมพ์ สำหรับบทความในวารสาร จะประกอบด้วยชื่อวารสาร เล่ม ฉบับ หมายเลขหน้า และ DOI (Digital Object Identifier) ​​หรือ URL
4. ข้อมูลเพิ่มเติม (ไม่บังคับ): อาจจำเป็นต้องมีรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น ผู้แปล บรรณาธิการ หมายเลขฉบับ หรือข้อมูลซีรีส์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการอ้างอิงและประเภทของแหล่งที่มา

วัตถุประสงค์ของการอ้างอิง:

1. ความน่าเชื่อถือและความรับผิดชอบ: การอ้างอิงทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลที่นำเสนอในเอกสารโดยอนุญาตให้ผู้อ่านค้นหาและประเมินแหล่งที่มาที่ใช้ พวกเขาให้ความโปร่งใสและความรับผิดชอบโดยการยอมรับการมีส่วนร่วมทางปัญญาของผู้อื่นและหลีกเลี่ยงการลอกเลียนแบบ
2. สนับสนุนการวิจัยเพิ่มเติม: การอ้างอิงช่วยให้ผู้อ่านเจาะลึกหัวข้อนี้มากขึ้นโดยจัดทำแผนงานสำหรับวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง นักวิจัยสามารถใช้ข้อมูลอ้างอิงเพื่อติดตามการพัฒนาแนวคิด ระบุผลงานที่สำคัญ และสำรวจมุมมองที่แตกต่างกันในหัวข้อนั้น
3. ต่อยอดความรู้ที่มีอยู่: โดยการอ้างอิงถึงวรรณกรรมที่มีอยู่ ผู้เขียนจะวางงานของตนไว้ในการสนทนาทางวิชาการที่กว้างขึ้น แสดงให้เห็นว่างานวิจัยของพวกเขามีส่วนช่วย ท้าทาย หรือขยายความรู้ที่มีอยู่ในสาขานั้นอย่างไร ความเป็นปึกแผ่นนี้เสริมสร้างวาทกรรมทางวิชาการและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางปัญญา

 

การอ้างอิงคืออะไร?

คำจำกัดความของการอ้างอิง:

การอ้างอิงเป็นวิธีการหนึ่งในการยอมรับและอ้างถึงการใช้แหล่งข้อมูลภายนอกภายในงานเขียน โดยเกี่ยวข้องกับการอ้างอิงแนวคิด ข้อมูล หรือคำพูดที่เฉพาะเจาะจงจากแหล่งข้อมูลเหล่านี้โดยตรงภายในข้อความ พร้อมด้วยการให้รายละเอียดที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแหล่งที่มาในบรรณานุกรมหรือรายการอ้างอิง

ส่วนประกอบของการอ้างอิง:

1. การอ้างอิงในข้อความ: การอ้างอิงในข้อความจะปรากฏภายในเนื้อหาของข้อความ ณ จุดที่ใช้เนื้อหาอ้างอิง โดยระบุนามสกุลของผู้แต่งและปีที่พิมพ์อยู่ในวงเล็บ เช่น (Smith, 2019) อาจรวมหมายเลขหน้าสำหรับการเสนอราคาโดยตรง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการอ้างอิง
2. รายละเอียดบรรณานุกรม: นอกเหนือจากการอ้างอิงในข้อความแล้ว การอ้างอิงบรรณานุกรมฉบับเต็มสำหรับแหล่งที่มาจะรวมอยู่ในบรรณานุกรม รายการอ้างอิง หรือหน้าที่อ้างถึงที่ส่วนท้ายของเอกสาร ข้อมูลอ้างอิงนี้ให้ข้อมูลที่ครอบคลุมเพื่อให้ผู้อ่านสามารถค้นหาแหล่งที่มา รวมถึงชื่อนามสกุลของผู้แต่ง ชื่องาน วันที่ตีพิมพ์ ข้อมูลผู้จัดพิมพ์ และหมายเลขหน้า (สำหรับหนังสือและบทความ)
3. รูปแบบการอ้างอิง: สาขาวิชาและสิ่งพิมพ์ทางวิชาการต่างๆ ยึดตามรูปแบบการอ้างอิงเฉพาะ เช่น APA (American Psychological Association), MLA (Modern Language Association), ชิคาโก หรือ Harvard แต่ละสไตล์มีแนวทางในการจัดรูปแบบการอ้างอิงและการอ้างอิง รวมถึงรูปแบบต่างๆ ของเครื่องหมายวรรคตอน การใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่ และลำดับขององค์ประกอบ
4. การอ้างอิงโยง: ในงานที่มีเนื้อหาครอบคลุมมากขึ้น เช่น วิทยานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ หรืองานวิจัย การอ้างอิงไม่เพียงแต่ใช้เพื่อรับทราบแหล่งที่มาเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนข้อกล่าวอ้าง ข้อโต้แย้ง หรือข้อค้นพบด้วย ผู้เขียนอาจอ้างอิงโยงการอ้างอิงภายในเนื้อหาเพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างแหล่งข้อมูลต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความลึกของการวิจัย หรือเน้นย้ำถึงความเกี่ยวข้องของงานก่อนหน้านี้กับของตนเอง

วัตถุประสงค์ของการอ้างอิง:

1. เครดิตและการระบุแหล่งที่มา: การอ้างอิงให้เครดิตแก่ผู้สร้างต้นฉบับหรือผู้เขียนแนวคิด แนวคิด ข้อมูล หรือคำที่ใช้ในเอกสาร พวกเขารับทราบถึงการมีส่วนร่วมทางปัญญาและป้องกันการลอกเลียนแบบโดยแยกแยะความแตกต่างระหว่างงานต้นฉบับของผู้เขียนและเนื้อหาที่ยืมมาอย่างชัดเจน
2. การตรวจสอบความถูกต้องและความโปร่งใส: การให้การอ้างอิง ผู้เขียนอนุญาตให้ผู้อ่านตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่นำเสนอในงานของตน แนวทางปฏิบัติในการอ้างอิงที่โปร่งใสช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของการวิจัยและอำนวยความสะดวกในการสื่อสารทางวิชาการโดยทำให้ผู้อื่นสามารถทำซ้ำหรือต่อยอดจากข้อค้นพบ
3. การวิจัยตามบริบทและสถานการณ์: การอ้างอิงทำให้งานของผู้เขียนมีบริบทในการสนทนาทางวิชาการที่กว้างขึ้น โดยการแสดงให้เห็นว่าเกี่ยวข้องและมีส่วนร่วมกับวรรณกรรมที่มีอยู่อย่างไร โดยนำเสนอแนวคิด ทฤษฎี และวิธีการ ที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจภูมิทัศน์ทางปัญญาซึ่งเป็นที่มาของการวิจัย
4. อำนวยความสะดวกในการสำรวจเพิ่มเติม: การอ้างอิงช่วยให้ผู้อ่านมีแนวทางในการสำรวจวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องและเจาะลึกหัวข้อนั้นมากขึ้น โดยการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ผู้เขียนแนะนำผู้อ่านไปยังแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการศึกษาต่อ ทำให้พวกเขาได้รับความเข้าใจที่ครอบคลุมมากขึ้นในเรื่องนี้

---

ความแตกต่างหลักระหว่างการอ้างอิงและการอ้างอิง

1. อ้างอิง:
   • ให้ข้อมูลบรรณานุกรมโดยละเอียดเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลที่ใช้ในเอกสาร
   • ระบุไว้ท้ายเอกสารในรายการบรรณานุกรมหรือรายการอ้างอิง
   • รวมองค์ประกอบต่างๆ เช่น ผู้แต่ง ชื่อเรื่อง ข้อมูลสิ่งพิมพ์ และรายละเอียดเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับรูปแบบการอ้างอิง
   • ทำหน้าที่ตรวจสอบแหล่งที่มา สนับสนุนการวิจัยเพิ่มเติม และต่อยอดองค์ความรู้ที่มีอยู่
2. อ้างอิง:
   • รับทราบถึงการใช้แนวคิด ข้อมูล หรือใบเสนอราคาเฉพาะจากแหล่งภายนอกภายในข้อความ
   • ปรากฏอยู่ในเนื้อหาของข้อความโดยตรง รวมทั้งนามสกุลของผู้แต่งและปีที่พิมพ์อยู่ในวงเล็บ
   • สนับสนุนการกล่าวอ้าง ข้อโต้แย้ง หรือการค้นพบโดยการระบุแหล่งที่มาของข้อมูล
   • ช่วยให้เครดิตแก่ผู้สร้างต้นฉบับ ตรวจสอบการอ้างสิทธิ์ ให้ความโปร่งใส และอำนวยความสะดวกในการสำรวจวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

อ้างอิง

1. https://scholarworks.iupui.edu/bitstream/handle/1805/661/MRSQ%202006.pdf?sequence=1
2. https://dl.acm.org/doi/abs/10.1145/3197026.3197048

อัพเดตล่าสุด : 02 มีนาคม 2024